✅ การใส่ วิตามินอี (Vitamin E) ลงในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มี DHA (docosahexaenoic acid) เป็นส่วนประกอบนั้น มีเหตุผลสำคัญทางชีวเคมีและความปลอดภัย ดังนี้:
1. ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ของ DHA
- DHA เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (PUFA) ซึ่งมีโครงสร้างเปราะบางและไวต่อการถูกออกซิไดซ์เมื่อสัมผัสกับออกซิเจน แสง หรือความร้อน
- การเกิดออกซิเดชันจะทำให้ DHA เสื่อมคุณภาพ และเกิด สารอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่เป็นอันตรายต่อเซลล์
2. เสริมฤทธิ์กันในการทำงานทางสรีรวิทยา
- ทั้ง DHA และวิตามินอีมีบทบาทในการ ปกป้องสมอง เซลล์ประสาท และการพัฒนาในครรภ์
- วิตามินอีช่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ (cell membrane) ที่มี DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญ
3. เพิ่มเสถียรภาพของผลิตภัณฑ์ (Product Stability)
- วิตามินอีช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่มี DHA อยู่ในรูป softgel หรือ liquid มี อายุการเก็บรักษานานขึ้น (shelf life) และไม่มีกลิ่นเหม็นหืน (rancid smell)
4. ด้านความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์และทารก
- วิตามินอีมีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันและการพัฒนาของทารก
- การรับวิตามินอีร่วมกับ DHA ในขนาดที่เหมาะสมถือว่า ปลอดภัยและมีประโยชน์ โดยเฉพาะในสูตรสำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
❌หากผลิตภัณฑ์ DHA ไม่มีวิตามินอี ผสมอยู่ด้วย อาจเกิดปัญหาหลัก ๆ ดังต่อไปนี้:
1. DHA เสื่อมคุณภาพง่าย (Oxidative degradation)
- DHA เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (polyunsaturated) ซึ่งไวต่อ ปฏิกิริยาออกซิเดชัน
- หากไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินอีช่วยปกป้อง จะเกิด:
- กลิ่นเหม็นหืน (rancid smell)
- สีเปลี่ยน
- สูญเสียฤทธิ์ทางชีวภาพ
- เกิดสารอนุมูลอิสระ (oxidized lipids) ซึ่งอาจ เป็นอันตรายต่อเซลล์
2. อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย มากกว่าประโยชน์
- ผลิตภัณฑ์ DHA ที่เสื่อมคุณภาพ อาจก่อให้เกิด:
- ความเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) ในร่างกาย
- กระตุ้นการอักเสบ มากกว่าการต้านอักเสบ
- ลดประสิทธิภาพของ DHA ที่ควรจะส่งเสริมสมอง สายตา และหัวใจ
3. ผลิตภัณฑ์ไม่มีความเสถียร (unstable formulation)
- หากไม่มีวิตามินอี อาจต้องใช้การบรรจุพิเศษ เช่น บรรจุในไนโตรเจน หรือ แช่เย็นตลอดเวลา ซึ่งทำให้ต้นทุนสูงและไม่สะดวกในการจัดจำหน่าย
สรุปคือ
วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่ละลายในไขมัน ป้องกันการเสื่อมสภาพของ DHA และ เสริมฤทธิ์ปกป้องเซลล์ ทั้งในแง่คุณภาพของผลิตภัณฑ์และประโยชน์ต่อร่างกาย
บทความโดย
รศ.นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล
สูตินรีแพทย์ เชี่ยวชาญด้านเวชศาสาตร์มารดาและทารกในครรภ์
Maternal and Fetal Care Center I MFC Khon Kaen